วงการเพลงอินดี้อีสานสะเทือนอีกครั้ง โดย 2 เพลงสุดฮอตเวลานี้ เห็นจะไม่มีใครเกิน “โดดดิด่ง” และ “มะล่องก่องแก่ง” อีกแล้ว คอลัมน์เต้นกินรำกิน โดย “แคน สาริกา” พาไปรู้จัก “จินนี่ ภูไท” เบื้องหลังทำดนตรีเพลงดังแห่งยุค
ต้นปี 2563 นักเล่นโซเชียล คอฟังเพลงทุกรุ่นทุกวัย คงสนุกสนานกับเพลงชื่อแปลก ๆ “มะล่องก่องแก่ง” และ “โดดดิด่ง” เพลงแรกเป็นผลงานของนักร้องหน้าใหม่ ส่วนเพลงหลัง เป็นเพลงประกอบหนังดัง
ย้อนไปช่วงก่อนวันเลือกตั้ง 24 มี.ค. 2562 “เสี่ยโต้ง” สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย ที่สวมหมวกผู้บริหารบริษัท เซิ้ง โปรดักชั่น แอนด์ ออแกไนเซอร์ จำกัด ทำพิธีบวงสรวงหนังเรื่องใหม่ชุด “ไทบ้าน เดอะซีรีส์” ซึ่งเป็นการลงทุนร่วมกับ จิรัฐ บวรวัฒนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีเอ็นเค 48
กว่าหนังไทบ้านชุดใหม่จะได้เข้าฉายในโรง ก็เป็นช่วงปลายเดือน ม.ค. 2563 เหล่าโอตะของนักร้องเกิร์ลกรุ๊ป BNK48 คงได้ไปดูหนัง “ไทบ้าน x BNK48 จากใจผู้สาวคนนี้” กันแล้วล่ะ คงไม่ต้องพูดถึงเนื้อหนัง
ที่ต้องพูดถึงคือ ความสำเร็จของเพลง “โดดดิด่ง” ร้องโดย 8 สาว BNK และ “จากใจผู้สาวคนนี้” ร้องโดย โมบายล์ โดยมีผู้อยู่เบื้องหลังเพลงดังสองเพลงนี้ ชื่อ “จินนี่ ภูไท” นักเรียบเรียงเสียงประสานหรือนักทำดนตรีมือทอง เรียกว่า “ปั้นเพลงไหนก็ปัง”
“โดดดิด่ง” เป็นทำนองพิณสมัยก่อน หรือลายเพลงพิณ ถ้ามีการต่อเพลงกันหรือนักดนตรีสอนลายพิณให้ลูกหลาน ก็มักจะใช้ศัพท์คำว่า “โดดดิด่งโดดดิโด้ดงด่ง โดดดิด่งโด้ดิด่งโด้ดง..”
จินนี่ ภูไท เลยเอาลายเพลงพิณที่คุ้นหูมาเขียนเป็นท่อนฮุก เป็นธีมหลักของเพลงจนกลายเป็นชื่อเพลง ความ หมายของเพลง ก็บอกอยู่แล้วว่า “อีสานม่วนซื่น”
โจทย์ที่จินนี่ ภูไท ได้รับมาคือ ทำดนตรีเพลงนี้อย่างไร ให้นักร้องสาว BNK ที่ไม่ใช่คนอีสานร้อง แล้วคนเชื่อว่า นี่คือคนอีสานร้อง จึงนำเอากีตาร์พิณมาเป็นพระเอกในเพลง จนเป็นแนวคิด “ริธึ่มใหม่กับลายเดิม” เหมือนกับการเอาปลาร้าไปขายในห้างหรู ก็จะเป็นสิ่งแปลกตาในคนกลุ่มนั้น
โจทย์ต่อมาก็คือทำอย่างไร ให้เพลงนี้น่าสนใจและจับต้องได้ เพราะฉะนั้นต้องมีลายแห่ ทำให้รถแห่ดนตรีสดเอาไปเล่นได้ง่าย ทำให้วงดนตรีทุกคนเล่นได้ง่าย เล่นสด ๆ ได้สบายมาก
สรุปว่า หนัง “ไทบ้าน x BNK48” ได้ลูกค้าทั้งสองกลุ่ม ทั้งดูหนังและฟังเพลง แบบว่า “หนังดังเพราะเพลง หรือเพลงดังเพราะหนัง” สองกลุ่มนี้มีตลาดที่ใหญ่อยู่แล้ว
+++
โจทย์ที่จินนี่ ภูไท ได้รับมาคือ ทำดนตรีเพลงนี้อย่างไร ให้นักร้องสาว BNK ที่ไม่ใช่คนอีสานร้อง แล้วคนเชื่อว่า นี่คือคนอีสานร้อง จึงนำเอากีตาร์พิณมาเป็นพระเอกในเพลง จนเป็นแนวคิด “ริธึ่มใหม่กับลายเดิม” เหมือนกับการเอาปลาร้าไปขายในห้างหรู ก็จะเป็นสิ่งแปลกตาในคนกลุ่มนั้น
เมื่อเพลงดัง หนังก็ได้ตังค์ จึงต้องยกเครดิตให้ “จินนี่ ภูไท” ซึ่งใน พ.ศ.นี้ เพลงอินดี้อีสาน กว่าร้อยละ 80 เป็นฝีมือการเรียบเรียงดนตรีของเขา เหมือนยุคหนึ่งของลูกทุ่งหมอลำ อยากหาคนทำดนตรี ต้องวิ่งหา “หนุ่ม ภูไท” ถัดมาก็เป็นยุคทองของ “สวัสดิ์ สารคาม”
จินนี่ ภูไท รับจ้างเรียบเรียงดนตรีและโปรดิวซ์งานเพลงให้นักร้อง ทั้งค่ายใหญ่ ค่ายเล็ก และค่ายอินดี้ รวมถึงทำงานเพลงป้อนค่ายตัวเอง “ภูไท เร็คคอร์ด”
ทำไมต้อง “ภูไท” เพราะจินนี่ มีชื่อจริง จ.อ.สุจิน กุลชนะรงค์ เกิดที่บ้านกุดหว้า ต.กุดหว้า อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ หมู่บ้านของคนภูไทที่ยังคงรักษาวัฒนธรรมเก่าแก่ไว้ตามฮีตเก่าคองเดิม และที่โด่งดังระดับประเทศคือ ประเพณีบุญบั้งไฟตะไลล้าน
เอ่ยถึงถิ่นภูไทก็นึกถึงดนตรีโปงลาง สำหรับบ้านกุดหว้า ก็มีตำนานวงโปงลางหมายเลขหนึ่งคณะ “มะพร้าวห้าว สาวดอกคูณ” เสียงดนตรีพื้นบ้านกล่อมเด็กชายสุจิน จนซึมเข้าเลือดเนื้อ และเมื่อวัยหนุ่ม เขาจึงเลือกที่จะเป็นทหารดุริยางค์
จ.อ.สุจิน กุลชนะรงค์ สังกัดกองดุริยางค์กองทัพอากาศ มานานกว่า 20 ปี โดยวันนี้ เขาอำลาชีวิตทหารอากาศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ยุคสมัยดิจิทัล เปิดทางให้คนดนตรีอิสระอย่างจินนี่ ภูไท เปิดห้องบันทึกเสียง “ภูไท เร็คคอร์ด” โดยสามารถรับงานได้ทั้งทางเฟซบุ๊ค ไลน์ และมือถือ เรียกว่ามีครบทุกช่องทาง
หลังทำดนตรีให้นักร้องอินดี้แจ้งเกิดเยอะแล้ว จินนี่ ภูไท ก็หันมาปั้นนักร้องในนามค่ายภูไท เร็คคอร์ด เริ่มจาก“เบนซ์ เมืองเลย”แค่ซิงเกิลแรก “เจ็บบ่พอตาย” ก็ปัง ดังระเบิดสมราคาจินนี่ ภูไท
ถัดมาเป็นนักร้องเด็ก “นิวเทน ไหมไทยน้อย” ได้ร้อยล้านวิวจากเพลง “รถแห่รถยู้” ตามด้วยเพลง “สูตรคูณของเธอ” ปาเข้าไป 50 ล้านวิวแล้ว
ปัจจุบัน นักร้องในค่ายภูไท เร็คคอร์ด มีเกือบสิบชีิวิต อาทิ น้องทิวเทน, เบนซ์ เมืองเลย, เนย นฤมล, น้องพิม, รวงข้าว ธิติรัตน์, อิท อิทธิศักดิ์, รุ่ง นครพนม และใบหม่อน จิราภา
กลยุทธ์การทำเพลงหรือการปั้นนักร้องของจินนี่ ภูไท ไม่ว่าจะงานฟรีแลนซ์ หรืองานในสังกัด เขาจะยึดหลัก “เอาเสียงของนักร้องเอาคาแร็กเตอร์ศิลปินเป็นตัวตั้ง แล้วเอาดนตรีห่อ”
ก่อนจะลงมือทำงาน เมื่อได้โจทย์เพลง โจทย์นักร้อง ก็คิดอยู่ในใจว่า “ทำยังจะให้ต่าง ทำยังไงจะให้ดัง ทำยังไงจะให้เพลงนี้คนฟังมากกว่าสองรอบ”
เมื่อบันทึกเสียงเสร็จ ก็ต้องตรวจทาน ถ้าเพลงเศร้า เขาต้องน้ำตาซึม เพลงโจ๊ะ เขาต้องกระดิกขาสนุกตาม จึงถือว่า “ผ่าน” นี่เป็นหลักวิธีการทำงานของจินนี่ ภูไท
ชีิวิตหนุ่มบ้านกุดหว้า ผ่านการเรียนดนตรีสากลในหน่วยดุริยางค์ทหารอากาศ และเรียบเรียงดนตรีมาทุกแนวเพลง เขาเคยให้สัมภาษณ์ผ่านบล็อกเกอร์คนหนึ่งว่า
“ผมมีความฝันว่าอยากทำดนตรีลูกทุ่ง ให้ฝรั่งฟังได้แบบ Justin Bieber, Charlie Puth, Taylor Swift หรือนักร้องสากลอื่น ๆ อีกหลายคนที่คนไทยฟังเพลงพวกเขาได้โดยที่แปลไม่ออก ผมก็อยากทำเพลงลูกทุ่งที่ฝรั่งหรือคนทั่วโลกทุกชาติภาษาชอบฟังแต่แปลไม่ออกฟังเหมือนกันครับ”
บนเส้นทางดนตรีไม่มีพรมแดน เชื่อว่า จินนี่ ภูไท จะทำตามความฝันได้ ก็ขอให้กำลังใจหนุ่มภูไทคนนี้ให้ไปถึงระดับเวิลด์คลาส ฝันให้ไกล…จักต้องไปถึงสักวัน