คุยหลังเวทีกับ พ่อเปีย-สุมิตรศักดิ์ พลล้ำ

หัวหน้าวงหมอลำคณะระเบียบวาทะศิลป์

“หมอลำยุคนี้ หยุดนิ่งไม่ได้…”

btr

หมอลำหมู่คณะระเบียบวาทะศิลป์ ได้รับการกล่าวขานให้เป็นสุดยอดคณะหมอลำเรื่องหมายเลข 1 ของภาคอีสาน ยืนเด่นเหนือแนวรบศิลปวัฒนธรรมหมอลำอย่างภาคภูมิใจ มิได้หยุดนิ่งแค่เวทีแสง สี เสียง อลังการงานสร้าง หากแต่ยังก้าวไปตามการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีด้านสื่อสาร ภายใต้การนำของเจเนอเรชันที่ 2 นำโดย “สุมิตรศักดิ์ พลล้ำ”และ “ภักดี พลล้ำ” ที่สานต่อมรดกลำเรื่องต่อกลอนของพ่อระเบียบ นำชาวคณะหมอลำกว่า 300 ชีวิต ตระเวนไปรับใช้พี่น้องทั่วอีสาน, ภาคกลาง และกรุงเทพฯ
ในวันที่มีคิวมาเปิดโชว์ที่กรุงเทพฯ นิตยสารซาวด์ ไดเมนชั่น ไม่รอช้า ขอบุกถึงหลังเวที สัมภาษณ์ พ่อเปีย-สุมิตรศักดิ์ พลล้ำ หัวหน้าวงหมอลำคณะระเบียบวาทะศิลป์กับการพัฒนาที่ไม่เคยหยุดนิ่ง

 

0 โชว์ฤดูกาลใหม่ปีนี้ สีสันไม่ธรรมดาอีกแล้ว วางแผนกันอย่างไรบ้าง?
งานโชว์ของเราปกติขึ้นอยู่กับไอเดียของครูฝึก และไอเดียของหัวหน้าที่มาประกอบกันว่าต้องการอะไร ปีที่แล้วเล่นแบบไหน ปีนี้ก็ต้องปรับเปลี่ยน เล่นซ้ำซากกันไม่ได้เพราะมีคนรอดูโชว์ของเรา อย่างปีก่อนโชว์ใหญ่เราเป็นโชว์สนุกสนาน ปีนี้เราก็เลยเพิ่มอรรถรสในการชมด้วยโชว์จินตลีลา ปีหน้าอาจสลับกันไปอีก แต่ละปีไม่เหมือนกัน ต้องดูตลาดคนดูด้วยว่าต้องการแบบไหน
ส่วนมากที่เราทำออกมาแล้ว ก็จะมีฟีดแบ็กทางโซเชียลที่เขาจะชื่นชมเราผ่านทางนั้น แต่ละปีเราก็ต้องหาวิธีใหม่ๆ เราพูดได้ว่า ไม่มีการแข่งขันกันนะ เราทำเพื่อความต้องการของเจ้าภาพเป็นหลัก แต่ตอนหลังมันกลายเป็นการแข่งขันโดยปริยาย เพราะแฟนคลับแฟนเพลงที่โพสต์กันเองบนเฟส กระทู้ชมบ้างยกยอบ้างก็เลยเป็นกระแสดรามาขึ้นมาในวงการหมอลำ เยอะพอสมควรปีนี้ แต่เราก็รักษาเอกลักษณ์มาตรฐานของเราคือลำเรื่องต่อกลอน
ตอนนี้หมอลำหยุดนิ่งไม่ได้ เพราะมันหลอกตาประชาชนไม่ได้แล้ว แต่ละปีลงทุนก็มหาศาลมาก ไม่ว่าระบบแสง สี เสียง ทุกอย่าง ต้องเพอร์เฟ็กถึงจะเป็นหมอลำหมู่ขึ้นมาได้

 

btr

0 ครั้งหนึ่งเคยให้สัมภาษณ์ว่า แค่ลำเรื่องต่อกลอนอย่างเดียวไม่พอ ต้องจัดโชว์คอนเสิร์ตด้วย มาปีนี้ก็ยังพัฒนาโชว์ไม่หยุดนิ่ง?
ต้องเปลี่ยนทุกปี ไม่เปลี่ยนไม่ได้ ทุกระบบเลย อย่างฉาก บางคนสมัยก่อนเราคิดแต่ว่าอะไรก็ได้ ส่วนมากเป็นแฟนคลับที่ทำกราฟิกมาลงในโซเชียลไว้ อันไหนสวยเราก็ขอนำมาปรับประกอบขึ้นเวที แต่ทุกวันนี้แค่นั้นไม่พอ เราต้องไปหาผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญว่าแต่ละฉากที่ขึ้นไป ต้องตีโจทย์ด้วยว่าขึ้นเพราะอะไร มีความหมายยังไงด้วย
อย่างปีที่แล้วตามความเชื่อของคนไทยคือพญานาค ปู่ศรีสุทโธ เป็นความเชื่อที่อยู่คู่สังคมไทยมายาวนานมาก ระเบียบฯ เป็นวงแรกที่นำภาพพญานาคขึ้นเวที ปีนี้ได้อาจารย์ด้านศิลปะที่รู้ลึกเรื่องฉาก เลยทำเป็นภาพพระราหู ซึ่งพระราหูบางคนว่าน่ากลัว แต่พออ่านประวัติแล้วไม่น่ากลัวเลย เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงส่งมาก แต่ต้องมีพญานาคไปอยู่ด้านข้างคอท่านด้วย เลยเป็นอย่างภาพที่เห็นบนเวทีนั่นละ ก็คุยกับอาจารย์ออกแบบฉากว่า ปีนี้เรานำพระราหูซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดขึ้นเวทีแล้วปีหน้าเราจะเอาอะไรขึ้น แกก็บอกว่า ก็จะเอาขึ้นให้ใหญ่กว่าพระราหู แล้วอะไรใหญ่กว่าล่ะ? ตอนนี้เราก็ยังคิดไม่ออก ก็ให้การบ้านเขาไปคิดต่อ

 

0 เป้าหมายคือทำแต่ละปีให้ดีที่สุด?
ใช่ ๆ เพราะว่าตอนนี้มันทำแบบเดิมแบบเก่าไม่ได้แล้ว หมอลำมีโจทย์ใหม่ ๆ ขึ้นมาเยอะ แล้วสายตาคนดูเยอะก็มีผล เขาดูมาเยอะแล้ว ก็ต้องทำให้ทันยุคทันสมัย แต่เราก็ต้องรักษาเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ของเราด้วย ผสานสองสิ่งไว้ด้วยกัน
ส่วนเรื่องกระแสส่วนมากเป็นแฟนคลับคนดูในกรุงเทพฯ เวลาเข้ามาเล่นในกรุงเทพฯ จะมีแฟนคลับแฟนเพลงตามตลอด ส่วนที่อื่นก็ดูตามโซเชียล แต่บางครั้งไม่จำเป็นว่าเป็นวงใหญ่แล้วเล่นดีเสมอไป วงเล็กที่เขาเล่นดีก็มี ขึ้นอยู่กับการพัฒนาปรับปรุง ถ้าลำเรื่องดี แต่ส่วนประกอบอื่นไม่ดี ก็ไม่ได้ ทุกอย่างต้องประกอบกันหมด ไฟ แสง สี เสียง อุปรากร ทุกสิ่งทุกอย่างต้องเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกัน ถึงออกมาเพอร์เฟ็กได้

0 การหาแดนเซอร์ยุคนี้เปลี่ยนมากน้อยแค่ไหน?
เปลี่ยน ๆ สมัยก่อนผมเดือนหนึ่งต้องขับรถเพื่อหาแดนเซอร์เข้ามาอยู่ในวง ได้เดือนหนึ่งสอง-สามคน แต่ปีนี้มากันเยอะ อาจจะเพราะว่าเศรษฐกิจไม่ดีหรือเปล่านะ มาสมัครกัน จนผมต้องเบรกไว้ เพราะค่าจ้างเราแค่นี้ รับมาเยอะ ค่าใช้จ่ายมันจะบานปลาย ตอนนี้งานเยอะก็จริงแต่ราคาไม่ได้เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจ
สมัยก่อนการหาแดนเซอร์ไปหาตามบ้านนอกจริง ๆ ส่วนมากแต่ก่อนคนบ้านนอกตามชนบทเขาจะไม่เข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ เขาช่วยพ่อช่วยแม่ทำไร่ทำนา ก็ไปหาตามแถวนั้น แต่ก่อนบางคนมีทั้งคนชอบและคนไม่ชอบมองว่าเป็นเรื่องเต้นกินรำกิน แต่ปัจจุบันชอบเป็นส่วนมาก เด็กวัยรุ่นต่าง ๆ เริ่มมาสืบสานศิลปวัฒนธรรมมากขึ้น ซึ่งสมัยก่อนหายากมาก โดยเฉพาะศิลปิน ที่ต้องมีครบทั้งพรสวรรค์และพรแสวง ไม่ใช่ว่าหน้าดีอย่างเดียวแล้วมาเล่นไม่ได้ ก็ไม่มีความหมาย
การคัดเลือกตอนนี้ เราก็เปิดรับสมัครตามเฟสบุ๊ค ส่งรูปมาดูหน้าตา ส่วนนักร้องก็ต้องมาออดิชันร้องเพลงให้ฟัง แต่ก็ไม่ถึงเสียงเป๊ะแบบเดอะวอยซ์อะไรขนาดนั้นหรอกนะ เรื่องร้องฝึกได้ ถ้ามีพรสวรรค์ เราก็ดูแก้วเสียงว่ามีเพาเวอร์ไหม เสียงสั้นเสียงยาวสูงต่ำเป็นยังไง ถ้าโอเคก็รับเข้ามา

0 แดนเซอร์-นักร้องเข้ามาใหม่ทุกปี?
คนเก่าก็มี 70% คนใหม่ก็ 30% บางทีบางคนทำงานมานาน 7-8 ปี ก็บอก “พ่อ…ขอพักปีสองปี” แล้วก็ไปหาประสบการณ์ไปอยู่วงโน้นวงนี้แล้ววันหนึ่งก็กลับมา หรือบางคนไม่ไหวก็ออกไปทำงานที่อื่นก็มี แต่ตัวหลักก็พระเอก นางเอก ตัวโจ๊ก พวกนี้มีรายได้จากแฟนคลับแฟนเพลงที่เมตตา เวลาออกหน้าเวทีมาคล้องพวงมาลัยให้
สำคัญอยู่ได้-ไม่ได้ อยู่ที่การเก็บตังส์ด้วย บางคนถึงแม้มีค่าตัวน้อยนิด ถ้าเก็บเป็นก็สามารถเก็บตังส์ได้ ตัวอย่างเห็นมาเยอะแล้ว อย่างศิลปินรุ่นเก่าบางคนชีวิตบั้นปลายไม่มีอะไร เราก็คิดว่าตอนดังเขาน่าจะมีเงินเป็นหลายร้อยล้านมีบ้านอยู่ พอชีวิตบั้นปลายใช้หนี้ก็ยังไม่หมด ต้องระดมทุนหาเงินไปรักษาตัวอีก ชีวิตผกผันกันไปเพราะใช้เงินกันไม่เป็น เรื่องนี้เวลาประชุมก็บอกเด็กทุกวัน ให้บริหารจัดการเงินที่พ่อให้ไปให้ดี เพราะเงินแต่ละบาทแต่ละสตางค์ไม่ได้หามาได้ง่าย ๆ กว่าจะได้ตังส์สิบบาทร้อยบาทพันบาท ต้องอดนอนทั้งคืน เวลาเขาพักผ่อน เราไม่ได้พักผ่อน เราต้องมากล่อมโลกอยู่จนสว่าง พอได้เงินก็ต้องบริหารจัดการให้ดี บางคนก็ไม่เบิกไม่ใช้ ส่งให้แม่พ่อแม่อย่างเดียว เพราะอาหารเราก็เลี้ยง เขาก็เก็บตังส์อยู่ บางคนมีแฟนเพลงเมตตาให้ทิปเยอะ สิ้นปีมาเบิกทีเดียวก็ได้เยอะเป็นก้อน

0 เสื้อผ้าก็พัฒนาไม่หยุดนิ่งเหมือนกัน?
ใช่ ชุดต้องอลังการ ขนที่ใช้ในการแสดงก็ต้องสั่งแต่เนิ่น ๆ ประเทศไทยเป็นประเทศที่ใช้ขนเปลืองสุด อย่างขนนกกระจอกเทศ เมืองไทยก็เคยเลี้ยง แต่อากาศไม่ได้ ขนออกมาไม่สวย ไม่ยาว ไม่ฟู ต้องไปซื้อจีนหรือฮ่องกง แต่ถ้าเป็นขนอิตาลี เราไม่สามารถนำเข้ามาได้ สวยจริงแต่ราคาแพง ประเทศอื่นที่เขาใช้ขนเปลืองช่วงงานชาติของเขา แต่ของเราใช้หมด ไม่ว่าว่าหมอลำซิ่งวงเล็กวงใหญ่ก็ใช้ขนหมด และใช้เยอะด้วย ก็เลยแย่งกัน ขนขาดตลาด (หัวเราะ)
ยิ่งขนพวกลิเก เรียกว่า ขนนกตะกรุม ถ้าของปลอมประมาณพันกว่าบาท แต่ถ้าของแท้เป็นพุ่มสวย ๆ ห้า-หกหมื่น แต่มันก็ชำรุดไปตามกาลเวลาของมันเหมือนกัน ต้องดูแล เวลาลอกหรือหล่นหายก็ต้องเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ คัดสวย ๆ ไว้ ถ้าขาดก็ซื้อเพิ่ม เพราะเราทำงานทุกวัน บางทีเด็กเหนื่อย ๆ จับหักบ้าง ฝนตกเปียกบ้าง หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ละปีก็ต้องมีการเตรียมการสั่งซื้อล่วงหน้า แต่ก่อนซื้อแถวพาหุรัดมีร้านประจำ แต่ตอนหลังคณะอื่นจองไปหมดละ บอกว่าวางตังส์ไว้สอง-สามแสนแล้ว เพราะชุดแต่ละปีลงทุนสี่-ห้าล้าน หมอลำใหญ่ ๆ ต้องมีเงินแปด-เก้าล้านถึงจะออกวงได้
ในการบริหารจัดการวงหมอลำต้องมีเงินเป็นค่าเสื่อมสภาพเยอะเหมือนกัน บางคนคิดแต่รายได้ไม่คิดรายจ่าย ยิ่งค่าน้ำมัน สมมติได้ค่าจ้างจากเจ้าภาพมาสองแสนกว่าบาท 30% เราตัดเป็นค่าน้ำมันละ ราคามันขึ้นลงไม่คงที่ ถ้าลิตรละสิบกว่าบาทเหมือนสมัยก่อนก็โอเค บางทีเรารับงานน้ำมันลิตรละ 23-24 บาท แต่เวลาไปเล่นจริงมันขึ้น 29-30 บาท ก็มี เราก็ต้องแบกรับภาระตรงนี้ให้ได้ เพราะเจ้าภาพเขาก็ไม่ได้เพิ่มให้เรา
ราคาแต่ละปีก็ไม่คงที่ เราก็ต้องดูเหตุการณ์บ้านเมืองด้วย บางทีเจ้าภาพเขาจ้างล่วงหน้า อย่างปีนี้ 2562 ก็มีจ้างไปถึงปี 2565 แล้ว คือหมอลำเป็นศิลปะที่อยู่คู่กับคนอีสานและคนไทยมายาวนาน เราก็นึกว่ามันจะหายสาบสูญไป แต่มีเพิ่มขึ้นมาเรื่อย

0 ค่าใช้จ่ายอะไรสูงที่สุด?
ส่วนมากก็ค่าน้ำมัน ค่าตัวเด็กก็ไม่เยอะ อาศัยว่ามีความชอบ 300 กว่า 500 กว่าหรือมากสุดก็พัน แต่ส่วนมากจะได้ทิป เราจะใช้เกินนี้ไม่ได้ ถ้าเกินก็จะไปไม่รอด เพราะเราไม่มีเงินมาซัปพอร์ตส่วนที่สึกหรอ หลายสิ่งหลายอย่างต้องมาสัมผัสจริง ๆ ถึงจะรู้ บางคนบอกว่าคุณได้มาวันละ 2 แสน มี 200 คิวก็ 40 ล้าน คุณตัดต้นทุนแล้วก็เหลือกำไร 20 ล้าน พูดง่าย ๆ ไม่มีหรอกขนาดนั้น เพราะมันมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นได้ตลอด สมมติจ้างมา 2.8 แสน เกิดคืนนี้ไฟหรือลำโพงขาด ไปแล้วเป็นหมื่น น้ำมันก็ตัดไปสาม-สี่หมื่นละ อย่างรถทุกวัน 20 คัน รถบัส 5 คัน รถบรรทุกสิบกว่าคันและรถตู้อีก เราไม่สามารถที่จะซื้อรถใหม่ได้ มันแพง 5-6 ล้านบาท ก็ซื้อรถมือสอง มาซ่อมแซมเพิ่มเติม อย่างวันนี้ลงเขามา ก็ต้องส่งไปซ่อม นี่จะสี่ทุ่มแล้วไปหาซื้ออะไหล่แถวเชียงกง รังสิต ยังไม่กลับมา
รถก็ต้องเช็กตลอดทุกวัน เราก็เลยไม่พยายามรับงานที่ขึ้นเขามากนัก ถึงแม้ให้ราคาสูงอยู่ แต่เราเคยไปแล้วเจออุปสรรค เพราะบางทีรถบัสของเราไม่เคยขึ้นเขา พอขึ้นไปก็น๊อคเลย อย่างจ้างเราไปคืนเดียวห้าแสน ให้เราเล่นสามชั่วโมง รถเราไป 20 คัน แต่ต้องใช้เวลาไป 5 วันทั้งไป-กลับ ก็เลยต้องขอปฏิเสธไป

 

0 ทำไมถึงบอกว่า เรื่องเสียงเป็นเรื่องที่หลอกตากันไม่ได้?
สมัยก่อนขอให้ได้ยินเสียงดังก็โอเคแล้ว แต่ทุกวันนี้ตั้งแต่เด็กตัวกระเปี๊ยกยังรู้ว่าเสียงไม่เพราะ หรือเรื่องไฟ แต่ก่อนหน้าเวทีไฟ 6-7 หลอดก็สว่างแล้ว คนไม่ว่าอะไร แต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้ ต้องให้สว่างไสว เราก็ปรับไปตามยุค
เรื่องเสียงเป็นหัวใจสำคัญของวงแต่ละวงเลย ระบบเสียงที่หมอลำต้องการคือ ติดตั้งง่าย แข็งแรงทนทาน เราต้องไปดูว่าบริษัทไหนที่การันตีรับประกันให้เรา ซ่อมให้เราเป็นหลัก เหตุที่เลือกใช้แบรนด์ TTE+ จาก บริษัท โททัล อิควิปเม้นท์ จำกัด เพราะรู้จักกันมาสิบกว่าปีแล้ว โดย พี่จักร (จักรวาล พลละคร) ช่วยดูแลตลอด เวลาของพังก็วิ่งซ่อมให้

ตอนนี้เวลาทำงานเราก็ต้องใช้เครื่องทุ่นแรงในการยกขึ้นลง แต่ก่อนเราใช้ระบบชัก ตอนหลังไม่ไหว ก็ใช้ระบบรอกไฟฟ้า ตัวละ 5 หมื่น 6-7 ตัว หรือพื้นเวที แต่ก่อนเคยใช้คนยก ก็เปลี่ยนมาใช้รถเครนสิบล้อไปยก ทุ่นพละกำลังของเราได้เยอะ เพราะถ้าเป็นแรงงานคนอย่างเดียวเราไม่รู้จะป่วยเจ็บวันไหน

อย่างเวทีเราก็มีระบบไฮดรอลิกยกนักแสดงขึ้น-ลง แล้วก็มีสลิงที่คนโหนไปมา ส่วนโครงสร้างเวทีหลัก เป็นเวทีที่ใช้บุคลากรสร้างอยู่ เคยศึกษาหลายที่แล้ว ตอนแรกจะใช้รถทำเวที เพราะบุคลากรเราหายาก ปรากฏว่าถ้าใช้รถเวทีประหยัดเวลาได้ แต่ความสวยอลังการไม่ได้ ปีนี้ถ้ากางรถเป็นเวที ปีหน้ามาถึงคุณก็ต้องกางรถแบบนี้อีกเพราะคุณจะทิ้งรถไม่ได้ แต่ถ้าเป็นเวทีปกติที่เราทำอย่างทุกวันนี้ เราปรับได้ต้องการปรับให้เป็นรูปแบบแปลกตาแค่ไหนก็สามารถเชื่อมเหล็กต่อขึ้นไปได้เรื่อย ๆ แล้วเพิ่มค่าใช้จ่ายนิดหน่อย คือทนลำบากหาบุคลากรมา
อีกข้อดีคือเวทีของเราสามารถย่นได้ ตัดได้ ยาวได้ เพราะบางพื้นที่สถานที่ไม่อำนวย ไม่ได้เป็นสถานที่สะดวกกว้างขวางตลอดเวลา เราสามารถตัดเวทีแล้วตั้งไปตามสภาพพื้นที่ได้ ถ้าเป็นรถตัดไม่ได้ หรือบางทีไปตามท้องไร่ท้องนาก็ติดหล่มไปลำบากอีก รถลงไม่ได้ แต่เวทีเราลงได้
เวทีกว้างสุดก็ประมาณ 30 เมตร ซึ่ง 30 เมตรก็แทบไม่มีสถานที่ที่จะตั้งแล้วทุกวันนี้ เล็กสุดก็ประมาณ 20 เมตร คือตัดไม่เยอะ เพราะถ้าตัดเยอะไป เล่นไปก็ไม่มีความหมาย โชว์ก็ไม่อลังการ เด็กไปออกันเต็มเวที ไม่มีช่องไฟก็ไม่สวย แต่ถ้าเจ้าภาพต้องการให้เล่นก็ต้องเล่น ต้องแก้ปัญหากันหน้างาน บางทีก็ขอถามเจ้าภาพก่อนว่ามีพื้นที่กี่ไร่เพื่อทีมงานตั้งเตนต์อยู่เล่นกันถึงเช้าได้ เพราะตอนนี้สมาชิกเยอะ ไม่เหมือนเมื่อก่อนไม่ถึงร้อย แต่ตอนนี้ 300 กว่าคน เท่ากับโรงงานใหญ่ ๆ เลย

0 ระบบไฟ อีกอุปกรณ์ที่เสียง่าย เตรียมการยังไง?
ไฟส่วนมากใช้ได้ประมาณ 2-3 ปี ต้องสั่งมาจากจีนหลายเจ้า มีหลายโรงงาน ต้องให้คนที่รู้ไปดูให้ พอสั่งเข้ามาแล้ว ก็ต้องซื้ออะไหล่มาด้วย อย่างไฟพาร์มันมีสวติชิ่ง ไอซี เขาก็ต้องซื้อพวกนี้มาด้วย เพราะมันชำรุดอยู่แล้วล่ะ ต้องมีของสแปร์ไว้ ยิ่งเวลาเจอฝนแย่เลย อย่างวันนั้นเจอพายุพอดี ไฟเสียไปหลายดวงกระจกก็แตก แต่โชคดีเรามีของสแปร์อยู่ก็เปลี่ยนได้ เตรียมไว้อยู่บนรถอยู่แล้ว ถ้าเสียก็เปลี่ยนเลย หรือมีเวลาตอนเข้าบ้านวันสองวันก็ซ่อม พยายามให้บกพร่องน้อยที่สุด

0 มองกระแสชื่นชมยกย่องให้เป็นอันดับหนึ่งยังไงบ้าง?
เขาก็บอกกันว่า ระเบียบฯ อันดับหนึ่ง เราก็ยังไม่คิดว่าเราอันดับหนึ่งนะ เราพยายามพัฒนาของเราแต่ละปีให้ดีที่สุด ส่วนคุณจะเปรียบเทียบว่าเราเป็นที่หนึ่ง-สอง-สามไม่สำคัญ เราพยายามทำผลงานแต่ละปีดีกว่า แล้วจอทางโลกโซเชียลก็อย่าให้มันขาด ถ้ามันหายไปแล้วมันคืนมายาก ตอนนี้ให้หลานมาทำในส่วนของโซเซียล แฟนเพจเฟซบุ๊ค ไลฟ์สด แล้วก็มีสติกเกอร์ไลน์ด้วย
ส่วนเพลงก็จะปรับไปเรื่อย ๆ ปีหน้าจะทำให้ ท็อป ธนากร กันจันทึก พระเอกใหม่เพิ่งมาปีนี้ เป็นนักร้องสายประกวดหลายเวที เสียงดี เราก็จะทำเพลงให้ และรับงานอีเวนต์ให้ เพื่อให้เขามีรายได้ เราจะปั้นเด็กด้วยเหมือนเป็นโรงเรียนสอนเด็กให้มีอาชีพ
นี่ก็อีกเรื่องหนึ่งที่แปลกใจอยู่ คือนักร้องที่เข้าประกวด ผมเห็นออกรายการทีวีแต่ละช่องเสียงดี ๆ ทั้งนั้น จากประกวดเป็นร้อยคน พอตกรอบ 80 กว่าคนหายไปไหนกันหมด? ทำไมไม่มาอยู่กับหมอลำ มีรายได้ มีชื่อมีเสียง เพราะถ้าอยู่กับหมอลำ คุณมาขึ้นเวที มีคนอย่างน้อย ๆ 3-4 พันดูคุณอยู่แล้ว ประกาศรับผ่านทางนี้เลย (ยิ้ม)

0 ในฐานะหัวหน้าวงวางแผนโชว์หน้าเวทีของตัวเองยังไงบ้าง?
ทุกวันนี้ก็ยังขึ้นเวทีร้องเพลงกับน้องชายอยู่ ไม่ขึ้นไม่ได้ คือไม่ให้หายจากหน้าจอ แต่ก่อนเล่นด้วย แต่ตอนหลังเราบริหารหลายอย่าง อดหลับอดนอนสุขภาพไม่ไหว เราต้องอยู่กับเด็กตลอดเวลา เดินทางก็นอนไม่หลับ โทรศัพท์ก็วางอยู่ข้าง ๆ เพราะไม่รู้ว่ารถคันไหนจะเสียบ้าง โทรศัพท์กริ๊งอๆ ตลอด ต้องอยู่กับเด็กตั้งแต่ตั้งเวทีจนถึงเลิกแล้วเดินทางต่อ 24 ชม. คลุกคลีกับเด็กเลยมีความผูกพัน เลยเป็นระบบการปกครองแบบพ่อปกครองลูก

0 ปีนี้ว่ากันว่าเศรษฐกิจซบเซา แต่สำหรับหมอลำแล้วจริง ๆ เป็นอย่างไรบ้าง?
หมอลำก็สวนกระแสอยู่ แต่ก็กระทบเรื่องราคาบ้าง บางคนเห็นเราตั้งเวทีอย่างนี้คิดว่าค่าจ้างต้อง 3-4 แสนขึ้น บางคนบอก 5-6 แสนขึ้นไป พูดเกินความเป็นจริง ถ้าอยากจะจ้างจริง ๆ อย่าไปฟังคนอื่น ไม่ต้องผ่านโบรกเกอร์ ดูเบอร์ได้ตามโซเชียล หรือหน้าเวทีก็ได้ ส่วนมากก็เป็นน้องสาวที่บ้านเป็นคนรับงานจัดคิวงาน สนใจยังไงอยากรู้คิว รู้ราคา ก็โทรตรงมาที่วงดีกว่า

0 ต่อไปถ้าคนพูดถึงระเบียบวาทะศิลป์ อยากให้นึกถึงอะไร?
เอกลักษณ์ของเราเลย คือ ลำเรื่องต่อกลอนทำนองขอนแก่น ลำเป็นเรื่องเป็นราว ส่วนมากที่เขายึดติดกับระเบียบฯ คือ ลำเรื่อง ส่วนเรื่องการโชว์หน้าเวที ชุดการแสดงแต่ละคณะไม่ทิ้งกันเท่าไหร่ แต่สำหรับระเบียบฯ อย่างหนึ่งเลยคือ เรามีศิลปินที่ชูโรงดึงแฟนเพลงได้ อัปเดตให้กับกลุ่มวัยรุ่นมาตลอด คนนี้หายไปก็มีคนใหม่มา แต่ต้องมีศักยภาพ และพรสวรรค์ พอที่จะสามารถดึงใจแฟนเพลงไว้ได้ เพราะเราทำมาแต่ละรุ่น ๆ ถึงออกไป ก็จะมีคนมาแทน คล้าย ๆ ค่ายเพลงที่มีคนใหม่เข้ามาเรื่อย ๆ ก็อยู่ได้นาน

0 หลังจากเจอหลาย ๆ ปัญหาแต่อะไรเป็นกำลังใจที่สุดจนทำมาถึงวันนี้?
ผมนึกถึงคำพูดของพ่อ เรื่องการมีสติในการปกครองคน การพึ่งตัวเอง การทำทุกอย่างด้วยความดีและความจริงใจ ก็จะทำให้เราอยู่ได้นาน ไม่อย่างนั้นพ่อไม่ทำมาได้ถึง 50-60 ปี ก็จำคำพูดพ่อมาเป็นกำลังใจ พี่น้องห้าคนจะไม่ทิ้งกัน จนก็จนด้วยกัน รวยก็รวยด้วยกัน พี่น้องผมห้าคน ทำงานช่วยกันหมด พ่อบอกว่าคนเราอยู่ด้วยกัน อย่าคิดเล็กคิดน้อย ต่างคนต่างต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด

 

 

 

 

 

 

+
ขอบคุณภาพพ่อเปีย จาก คุณต้นกก (TONKOK : Rachasak Boonrod)

แสดงความคิดเห็น