สำรวจ EPSON Projector 2018
ตอบโจทย์ Projection Mapping ระดับมืออาชีพ

นับวันระบบภาพมีความสำคัญขึ้น ไม่ว่าจะงานโพรดักชันอุตสาหกรรมบันเทิงหรืองานติดตั้งถาวรตามสถานที่ต่าง ๆ ล้วนแล้วต้องการระบบภาพเป็นส่วนหนึ่งเสมอ เครื่องฉายโพรเจกเตอร์จึงเป็นอีกอุปกรณ์ที่ผู้ใช้งานมองหามาใช้งาน เอปสัน (EPSON) จึงได้พัฒนาเครื่องฉายโพรเจกเตอร์ออกมาอย่างหลากหลายและต่อเนื่อง

ปัจจุบันเอปสันมีโพรเจกเตอร์ทั้งหมดถึง 7 ซีรีส์ รวมแล้วมากกว่า 60 รุ่นที่มีขายอยู่ในท้องตลาดเมืองไทย โดยมีค่าความสว่างให้เลือกใช้งานต่าง ๆ กันไป ตั้งแต่ 3,000 ลูเมน จนถึง 25,000 ลูเมน ครบทุกไลน์อัป ครอบคลุมทุกความต้องการ รองรับการใช้งานตั้งแต่โฮมเธียเตอร์ในบ้าน ห้องประชุมทุกขนาด สถานศึกษา ไปจนถึงงานอีเวนต์ขนาดใหญ่ สนนราคาตั้งแต่หลักหมื่นต้น ๆ ไปจนถึง 3 ล้านบาท

ปี 2018 ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของ EPSON ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และต่อยอดกิจกรรมให้มากขึ้น หลังจากปีก่อนได้สร้างความสำเร็จมาแล้วครั้งหนึ่ง นั่นคือช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2017 นั้น ทาง บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด ทำยอดขายสูงสุดจนสามารถครองสัดส่วนการตลาดมากกว่า 50% และพร้อมขยายทุกทิศทาง ในปี 2018 ทั้งตัวสินค้าใหม่ ๆ เละโซลูชันที่ตอบโจทย์โดนใจผู้ใช้งาน เน้น ๆ ไปยังกลุ่มเรนทัลทั้งหลาย

โดยเอปสันส่งสัญญาณมาตั้งแต่ปีก่อนหน้านี้ ต้นปีเปิดตัว EB-L25000U เลเซอร์โพรเจกเตอร์ 3LCD ความสว่าง 25,000 ลูเมน เข้าสู่ตลาดอาเซียนอย่างเป็นทางการ และปลายปีเปิดตัวเลเซอร์โพรเจกเตอร์ความสว่างสูงถึง 4 รุ่น สำหรับองค์กรและกลุ่มนักออกแบบคอนเทนต์เพื่องานสร้างสรรค์

เป็นสองช่วงที่ทางเอปสันได้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่น ขณะที่ EB-L25000U เลเซอร์โพรเจกเตอร์ 3LCD ความสว่าง 25,000 ลูเมน ทางเอปสันยกให้เป็นนวัตกรรมปฏิวัติวงการโพรเจกเตอร์ จากการผสานเทคโนโลยีแหล่งกำเนิดแสงแบบเลเซอร์และ 3LCD ทำให้สามารถฉายภาพที่มีมิติความลึกและให้รายละเอียดภาพได้สมจริง ทนความร้อนสูงและให้แสงสว่างได้เป็นระยะเวลานาน ทำงานต่อเนื่องได้ตลอด 24 ชั่วโมง และมีอายุการใช้งานนานถึง 20,000 ชั่วโมง เหมาะสมสำหรับผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจให้บริการเช่าเครื่องโพรเจกเตอร์และใช้ในองค์กรขนาดใหญ่ เนื่องจากถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์กับพื้นที่
หลากหลายประเภท สามารถฉายได้แบบ 360 องศา พร้อมใช้งานร่วมกับเลนส์ที่มีความชัดระดับ 4K

ส่วนเลเซอร์โพรเจกเตอร์ความสว่างสูง 4 รุ่น ไม่น้อยหน้า ได้เติมไลน์อัปสินค้าให้เต็มทุกช่องทางการใช้งาน แบ่งเป็นรุ่นความสว่าง 12,000 ลูเมน 2 รุ่น คือ EB-L1515S และ EB-L1505UH รุ่นความสว่าง 15,000 ลูเมน 2 รุ่น ได้แก่ EB-L1715S และ EB-L1755U เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ขนาดใหญ่ และต้องการภาพขนาดใหญ่ที่มีความสว่างและความละเอียดของภาพสูง เช่น ห้องจัดงานเลี้ยง หอประชุม โรงละคร พิพิธภัณฑ์ หรืองานอีเวนต์เอาต์ดอร์ต่าง ๆ

ตลาดโพรเจกเตอร์ 2018 จึงน่าจับตามองอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเอปสันเองให้ความสำคัญกับโพรเจกเตอร์อย่างมาก ยกให้เป็นอีกหนึ่งคีย์ไฮไลต์เพื่อผลักดันการเติบโตเป็นไปตามที่คาดหวัง หัวเรือใหญ่ผู้นำทัพเอปสันคนสำคัญ คุณยรรยง มุนีมงคลทร ผู้จัดการทั่วไป ด้านการขายผลิตภัณฑ์และการตลาด บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด มีมุมมองต่อเรื่องเหล่านี้มาเล่าให้ฟัง

ภาพรวมตลาดโพรเจกเตอร์

ด้วยสภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ตลาดโพรเจกเตอร์ในปี 2017 อยู่ในระดับทรง ๆ เมื่อเทียบกับปี 2016 แต่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องที่ 2-3% ไปอีกไม่ต่ำกว่า 3 ปี จากที่มีโพรเจกเตอร์ในตลาดราว 85,000 เครื่อง ในปี 2017 คาดว่าจะขยับไปอยู่ที่ 93,000 เครื่อง ในปี 2020 มูลค่าเติบโตเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 2,800 ล้านบาท จากในปี 2017 อยู่ที่ประมาณ 2,650 ล้านบาท

จากทั่วโลก เอปสันเราเป็นที่หนึ่งมา 16 ปี ในเมืองไทยจากการสำรวจโดย FutureSource Consultant เราเป็นที่หนึ่งมาตั้งแต่ปี 2011 จนถึง 2016 ซึ่งในครึ่งปีแรกของปี 2017 เรามีสัดส่วนการตลาดถึง 49% ถือว่าเป็นการตอบรับและยอมรับสินค้าโพรเจกเตอร์ของเอปสันเป็นอย่างดี นอกจากนี้ เอปสัน ยังรักษาการครองส่วนแบ่งในตลาดสูงสุดมาได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 2 ของปีงบประมาณปี 2017 (ก.ค.-ก.ย. 2017) เอปสันสามารถทำส่วนแบ่งตลาดเกินครึ่งหนึ่งของตลาดได้เป็นครั้งแรก ด้วยส่วนแบ่งตลาด 52% เพิ่มจากไตรมาสก่อนหน้าที่มีส่วนแบ่งตลาด 49%

ถ้าถามว่า ปัจจุบันโพรเจกเตอร์ราคาถูกลงเรื่อย ๆ แล้วมูลค่าตลาดจะเล็กลงด้วยหรือไม่ คำตอบคือ “ไม่” นะครับ เหตุผลเพราะว่าการขยายตัวของสินค้ามิดเรนจ์ถึงไฮเอนด์ มูลค่าตลาดรวมยังสามารถเติบโตต่อไปได้ 2-3% ตามที่เราคาดการณ์ไว้ ส่วนโพรเจกเตอร์ความสว่างสูงสัดส่วนเรายังเป็นที่ 2 อยู่ เราต้องยอมรับว่าเป็น New Comer ในตลาด High Brightness แต่หลังจากที่เรามีการทำการตลาดอย่างจริงจัง และเปิดตัวความสว่างสูงอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ครึ่งปีหลัง 2017 และปี 2018 คาดว่าสัดส่วนการตลาดเราจะขึ้นถึง 40% และเป็นที่หนึ่งของตลาด High Brightness ได้ เชื่อว่าความตั้งใจเราบวกกับการสนับสนุนจากผู้ค้าและสินค้าใหม่ ๆ ของเรา ความเป็นไปได้น่าจะเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้

โดยสรุปแล้ว เอปสันเรามีสินค้าที่เรียกว่ากว้างที่สุด ตอนนี้โพรเจกเตอร์เรามีหลากหลายให้เลือก ราคาถูกสุดหมื่นกว่าบาท จนถึง 3 ล้านกว่าบาท มีมากกว่า 60 รุ่น ครอบคลุมทุกความต้องการของผู้บริโภค ความสว่างเรามีตั้งแต่ 3,000 จนถึง 25,000 ลูเมน มีครบทุกไลน์อัป ด้านเทคโนโลยีเรามีทั้งที่เป็น LAMP BASED หลอดไฟราคาประหยัด รวมถึงเทคโนโลยีชั้นสูงที่เรียกว่า LASER LIGHT SOURCE ที่มีความคงทนของแหล่งกำเนิดแสงถึง 20,000 ชม. โดยไม่ต้องเปลี่ยนหลอดเป็นระยะเวลา 3 ปี สุดท้ายเรามีโซลูชันต่าง ๆ เราเข้าไปทำกับพาร์ตเนอร์เพื่อต่อยอดโซลูชันโพรเจกเตอร์ของเราให้สมบูรณ์มากขึ้น

ทิศทางเอปสันโพรเจกเตอร์ 2018?

ในแง่ของโพรเจกเตอร์ เราจะเน้นจากมิดถึงไฮเอนด์ ตัวเทคโนโลยีที่เราเน้นมากคือ เลเซอร์โพรเจกเตอร์ เปลี่ยนจาก LAMP-BASED มาเป็น เลเซอร์ไลต์ซอร์ส (LASER LIGHT SOURCE) ข้อได้เปรียบคือ อายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น 20,000 ชม. กลุ่มโพรเฟสชันแนลสบายใจได้

เทรนด์สินค้าใหม่ต่อไปก็จะมีเลเซอร์ไลต์ซอร์สเข้ามาในตลาดให้เลือกมากขึ้น มากกว่า 10 รุ่นขึ้นไป สมัยก่อนอาจจะบอกว่า ตัวเลเซอร์ไลต์ซอร์สอยู่เฉพาะเครื่องระดับบน ๆ ปีนี้จะเปิดเครื่องระดับกลาง ๆ 4,000-6,000 ลูเมนขึ้นมา เพื่อขยายฐานตลาดและเพื่อให้ระดับมืออาชีพได้มีตัวเลือกในเทคโนโลยีดี ๆ มากขึ้น

ส่วนเรื่องของ 4K ของเราก็มี เพราะ Resolution ต่าง ๆ ที่ออกมาเรื่อย ๆ อนาคตอาจจะเป็น 8K ก็ได้ แต่นั่นคือไกลเกินไป เพราะคอนเทนต์ที่เล่นมันยังห่างอยู่ ยังไม่มีอะไรที่มาเล่นซัปพอร์ตได้ ส่วนระดับ 4K ก็มีตัวหนึ่งที่เราขยายไลน์อัปขึ้นมา เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่ต้องการความละเอียดสูงมาก ๆ

การเซอร์วิซที่เตรียมไว้เพื่อกลุ่มเรนทัลเป็นอย่างไรบ้าง?

กลุ่มเรนทัลเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่เรามีการทำงานหนักมาตลอดสอง-สามปีที่ผ่านมา ความท้าทายของกลุ่มเรนทัลคือ แต่ก่อนมีการใช้กันอยู่ 2 ยี่ห้อ ผู้ใช้จึงคุ้นเคยกับสิ่งที่มีอยู่ แล้วแอกเซสเซอรีต่างๆ ลงทุนกันหมดแล้ว เมื่อเอปสันมาทีหลังก็พยายามออฟเฟอร์สินค้าที่คุณภาพเหนือกว่า รวมถึงการบริการ จนสามารถทำให้ลูกค้ารับรู้และเข้าใจว่า เราสามารถดูแลเขาได้อย่างไรบ้างทั้งก่อนการขายและหลังการขาย เรามีแอกเซสเซอรีและออปชันต่าง ๆ ให้มากมาย จริง ๆ แล้ว กลุ่มของเรนทัลและสเตจจิง (Staging) สิ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจซื้อคือเรื่องของความมั่นใจว่าเครื่องเขาเอาออกไปใช้แล้วไม่เสีย เพราะถ้าเกิดดับระหว่างงาน มันก็หมายถึงชื่อเสียงของเขาด้วย ฉะนั้นเอปสันสร้างความมั่นใจในเรื่องนี้ตลอด

การเข้าตลาดของเรนทัลกับสเตจจิง ถ้าในช่วงหลัง ๆ จะเห็นเครื่องของเอปสันเข้าไปเยอะขึ้น ถ้าเทียบกับปีสองปีก่อน เพราะแต่ละท่านที่ทำธุรกิจนี้ เขาลงทุนกันหมดแล้ว ทุกอย่างคือต้นทุนทั้งนั้น เนื่องจาก
งานเรนทัลหรือสเตจจิง ไม่ใช่แค่เรื่องโพรเจกเตอร์อย่างเดียว แต่เป็นเรื่องเลนส์ต่าง ๆ ด้วย ก็เป็นการลงทุนพอสมควร ตลาดนี้จึงเป็นอีกตลาดที่เราเห็นว่าท้าทายและให้ความสำคัญ เพราะเป็นกลุ่มที่มีการใช้งานเครื่องความสว่างสูงเป็นหลัก ซึ่งเอปสันเอง ณ วันนี้มีสินค้าพร้อมที่จะไปเปิดตลาดหรือมีส่วนร่วมกับตลาดที่เป็นความสว่างสูงแล้ว

ตอนนี้เอปสันโพรเจกเตอร์มีรุ่นความสว่างสูงถึง 25,000 ลูเมนแล้ว มีโอกาสก้าวไปสูงกว่านี้ไหม?

มีโอกาสครับ จริง ๆ 25,000 ถือว่าเป็นตลาดความสว่างที่สูงมากแล้ว แต่ถ้าถามว่าจะมีมากกว่านี้ไหม ในด้านเทคโนโลยีมีโอกาส แต่ว่าตอนนี้เราจะเพิ่มไลน์อัปช่วง 10,000-25,000 มากขึ้น เพราะเป็นระดับที่มีคนใช้งานกันเยอะ ถ้าเป็น 25,000 ขึ้นไป ถามว่ามีคนใช้งานไหม มี แต่ว่าน้อย ซึ่งจะต้องรอดูความต้องการของตลาดสักระยะหนึ่ง
แต่เรื่องของเทคโนโลยี ทำได้

เอปสันให้ความสำคัญกับทีม Support Team อย่างไรบ้าง?

เราให้ความสำคัญกับทีมงานของโพรเจกเตอร์มาเกิน 5 ปีแล้วในส่วนของมิดทูไฮเอนด์ เพราะในเรื่องของการบริการลูกค้ากลุ่มโพรเฟสชันแนลต้องการความใกล้ชิดเป็นพิเศษ เนื่องจากงานซับซ้อนต้องต่อพ่วงกับอุปกรณ์ต่าง ๆ มากมาย ส่วนนี้เรามีทีมพิเศษที่เรียกว่า พรีเซลส์ ส่งไปเทรนไปสอบเพื่อให้ได้เซอร์ติฟิเคตมา เป็นทีมที่ใหญ่พอสมควร รวมถึงการบริการหลังการขาย ที่มีการดูแลอะไหล่ ทั้งในประเทศเราเองและประเทศอื่นในภูมิภาคเพื่อลิงก์ข้อมูลกัน นอกจากนี้ ถ้าหากเราไม่สามารถซ่อมในระยะเวลาอันสั้นได้ เราก็จะมีเครื่องแบ็กอัปให้ จากส่วนงานสนับสนุนที่เรียกว่า DEMO UNIT หรือ TRY OUT UNIT จัดให้มีการยืมไปใช้ได้ ขณะที่เครื่องมีปัญหาหรือว่าไม่สามารถซ่อมได้ภายใน 2-3 ชม. รวมถึงโพรเจกเตอร์พวกนี้มีเลนส์พิเศษในการติดตั้งหลายชนิด แล้วแต่ระยะการฉาย ทางเอปสันมีการสนับสนุนเลนส์ต่าง ๆ ค่อนข้างมากเช่นเดียวกัน

ความร่วมมือระหว่างภูมิภาคเป็นอย่างไร?

เอปสันในกัมพูชา เวียดนาม เมียนมาลาว และปากีสถาน 5 ประเทศนี้อยู่ภายใต้ “เอปสัน ประเทศไทย” การดูแลของเรา เรามีทีมซัปพอร์ตก่อนการขาย ทีมขาย และทีมหลังการขาย เพื่อแชริงรีซอร์สร่วมกัน เวลาแชริงรีซอร์สร่วมกัน เราสามารถลงทุนได้เยอะ ถ้าเกิดในระดับประเทศไทยเอาไม่อยู่ หรือลูกค้าต้องการรีไควร์เมนต์ (requirement) ที่สูงมากขึ้น เรามีทีมของ “เอปสัน สิงคโปร์” ซึ่งดูแลอีก 5-6 ประเทศ อาทิ ฟิลิปปินส์ อินเดีย อินโดนีเซีย เป็นต้น กลุ่มนี้จะมีคนเก่ง ๆ อยู่แล้ว เราสามารถดึงทีมในภูมิภาคเอเชียมาทำงานร่วมกันได้สำหรับอีเวนต์ใหญ่ ๆ ที่ต้องการสเปเชียลลิสต์มาก ๆ ถ้าเกิดยังเอาไม่อยู่อีก เราสามารถดึงทีมเอนจิเนียร์ญี่ปุ่นมาได้อีก ก็เป็นข้อตกลงกันในระหว่างกรุ๊ปของเราเอง เราสามารถแชริงรีซอร์สความเชี่ยวชาญในด้านโพรเจกเตอร์เข้ามา เพราะมีเคสต่าง ๆ มากมายเกิดขึ้น ถ้าเป็นสิ่งใหม่ ๆ ที่เรายังไม่เคยเจอ เราก็อาจจะต้องใช้ทีม “เอปสัน ญี่ปุ่น” เข้ามาช่วยกัน กรณีที่ความพิเศษตรงนั้น เราต้องการผู้เชี่ยวชาญ เรียกได้ว่า ถึงแม้มีปัญหาระดับภูมิภาค เราก็สามารถเข้าไปดูแลได้ในทันที เพราะเป็นทีมพิเศษที่เราจัดตั้งขึ้นมาดูสินค้าเหล่านี้โดยเฉพาะ

ยกตัวอย่าง กรณีบริษัทเรนทัลไทยด้านระบบภาพเข้าไปทำงานที่เสียมราฐ กัมพูชา ก็จะได้รับความสะดวกมากขึ้นจาก “เอปสัน กัมพูชา” ด้วย ใช่หรือไม่ ?

ถูกต้องเลยครับ อันนี้เป็นจุดแข็งของเอปสัน ประเทศไทยเลย เรามีดีลในประเทศต่าง ๆ ทั้งเมียนมา เวียดนาม ลาว เขมร อยู่แล้ว และกลุ่ม SI และกลุ่ม Pro AV ของเมืองไทยต่าง ๆ ก็เข้ามาทำระบบติดตั้งในโรงแรมใหญ่ ๆ ระดับห้าดาวจำนวนไม่น้อย แต่ธรรมชาติ SI ของเมืองไทย มีข้อจำกัดคือ ถ้าฐานบริษัทอยู่เมืองไทยอย่างเดียว การดูแลหลังการขายที่กว้างมากกว่านั้นจะเป็นไปได้ยาก แต่สำหรับเอปสันเราทำได้ เนื่องจากเราดูแลทั้งภูมิภาค ฉะนั้น อย่างแรก เราดีลกันในเมืองไทยแล้ว จากนั้นคุณสามารถมารับสินค้าที่ปลายทางเลย เพราะเรามีการบริการหลังการขายที่ลูกค้าสามารถรับที่ปลายทางได้เลย ไม่ต้องขนส่งเข้าไปเอง

อันนี้เป็นข้อได้เปรียบของเอปสันอีกประการหนึ่ง ช่วงหลังมานี้เราได้ดีลของโรงแรมหลายแห่ง เพราะมีโรงแรมเกิดขึ้นใหม่เกิดขึ้นจำนวนมาก อย่างที่เสียมราฐหรือในเมียนมาที่มีโครงการใหม่ ๆ เกิดขึ้นในโรงเรียน เราก็ได้มา เป็นต้น ก็เป็นจุดแข็งของเอปสัน ประเทศไทยที่ SI เมืองไทยอยากทำงานกับเรา เพราะการบริการหลังการขาย อย่างการขนส่งเครื่อง ไม่ต้องทำเอง ซึ่งการนำเข้า ส่งออกสินค้าในประเทศกลุ่มนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

สุดท้ายนี้อยากจะฝากความมั่นใจให้กับลูกค้าว่า ลงทุนกับเอปสันแล้วคุ้มค่าอย่างไรบ้าง?

ณ ตอนนี้ทางเอปสันพร้อมมากในการสนับสนุน หนึ่ง ด้านสินค้าเรามีครบ พร้อมตอบทุกโจทย์ความต้องการก็ว่าได้ รวมถึงออปชันต่าง ๆ แม้กระทั่งเลนส์ต่าง ๆ เราก็มีให้ รวมถึงทีมแนะนำมากประสบการณ์ในการต่อเชื่อมกับอุปกรณ์ต่อพ่วง สอง การสนับสนุน ไม่เฉพาะสินค้าคุณภาพอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของ “ราคา” เรื่องความคุ้มค่า เรามีนโยบายในการดูแลกลุ่มผู้ใช้งานโพรเฟสชันแนลโดยเฉพาะ เราพร้อมและมั่นใจว่าสามารถเข้าไปในตลาดนี้ได้อย่างที่ไม่ทำให้พาร์ตเนอร์ของเราผิดหวัง

มร. ซิ่ว จิน เกียด

ปัจจัยในการเติบโตของเราจากนี้ไปจะมาจากโพรเจกเตอร์ความสว่างสูง ทำไมเอปสันถึงเลือกเลเซอร์โพรเจกเตอร์ความสว่างสูงเป็นเป้าหมายหลักในการเติบโต ประการแรก ถ้าดูจากสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว จะเห็นว่าตลาดที่มีความสว่างมากกว่า 4,000 ลูเมน จะมีสัดส่วนการเติบโตจาก 6% ในครึ่งปี 2016 มาเป็น 9% ในครึ่งปี 2017 สิ่งนี้เห็นชัดเจนว่า แนวโน้มตลาดจะมีการขยับขึ้นไปสู่โพรเจกเตอร์ความสว่างสูงอย่างแน่นอนในภูมิภาคนี้

นอกจากการเติบโตของโพรเจกเตอร์ความสว่างสูงแล้ว เมื่อเราดูเทคโนโลยีของเลเซอร์ไลต์ซอร์สก็มีการเติบโตมากกว่า 2 เท่า ในครึ่งปี 2017 ในตลาดส่วนที่มีความสว่างสูงมากกว่า 6,000 ลูเมน สิ่งนี้เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าภูมิภาคนี้มีการนำเลเซอร์ไลต์ซอร์สมาใช้เพิ่มขึ้นในตลาดบน และเราเชื่อว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการที่ลูกค้าได้ตระหนักถึงประโยชน์ในแง่ต่าง ๆ หลังนำเลเซอร์โพรเจกเตอร์ไปใช้งาน อย่างที่ทราบคือ เอปสันได้มีการเปิดตัวเลเซอร์โพรเจกเตอร์ที่มีความสว่างสูงเพื่อตอบสนองการใช้งานต่อเนื่องมาโดยตลอด

เรามีความมุ่งหวังสำหรับตลาดโพรเจกเตอร์ ไม่เฉพาะการนำเสนอเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเท่านั้น แต่เราเองมีความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนในทุกแง่มุมด้วยเช่นกัน เพื่อให้แน่ใจว่าความต้องการของผู้ค้าและลูกค้าได้รับการตอบสนองด้วยความพึงพอใจอย่างสูงสุด

ในระยะหลายปีที่ผ่านมา ทางเอปสันได้มีการจัดอบรมต่อเนื่องให้กับทั้งตัวแทนจำหน่ายและลูกค้าของเรา เพราะเชื่อว่าพวกเขาเหล่าจะสามารถส่งต่อประสบการณ์การใช้สินค้าของเราได้เป็นอย่างดี

การเพิ่มขึ้นของโพรเจกเตอร์ความสว่างสูงเป็นสิ่งสำคัญ ในฐานะผู้ผลิตที่จะเสนอโซลูชันซึ่งมีผู้ประกอบการอื่น ๆ มาร่วมด้วย เช่น Kramer, Crestron และอื่น ๆ ในงานโชว์เคสของเรา ซึ่งมีการทำเวิร์กชอปให้ความรู้กันเป็นประจำ อีกปัจจัยสำคัญหนึ่งที่สำคัญคือ การบริการหลังการขายที่แข็งแกร่ง เป็นอีกหนึ่งปัจจัยของเราที่จะสามารถขยายตลาดโพรเจกเตอร์ความสว่างสูงได้อย่างต่อเนื่อง เอปสันเป็น แบรนด์เดียวที่ครอบคลุมการรับประกัน 3 ปี หรือ 20,000 ชม. สำหรับรุ่นที่เป็นเลเซอร์โพรเจกเตอร์ ซึ่งแสดงถึงความทนทานและความมั่นใจในผลิตภัณฑ์ของเอปสัน อย่างเช่น งานที่อิสราเอล ใช้โพรเจกเตอร์ 25,000 ลูเมน จำนวน 20 ตัว ฉาย Mapping Projections บนกำแพงเก่าทุกวัน วันละ 5 ชม. เป็นเวลา 6 สัปดาห์

เอปสันให้ความสำคัญกับธุรกิจโพรเจกเตอร์เป็นอย่างมาก เรามุ่งหวังให้ลูกค้าได้รับสิ่งที่เกินความคาดหมาย โดยมุ่งเน้นไป 4 ส่วนเพื่อเพิ่มสัดส่วนการครองตลาด ส่วนแรกคือ การพัฒนาบริการหลังการขาย สอง เป็นคู่ค้าที่เหมาะสม ด้วยการร่วมมือกับคู่ค้าเฉพาะทาง เช่น Pro AV ที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษ รวมถึงกิจกรรมสร้างความรับรู้ เราไม่หยุดนิ่งที่จะเปิดตัวสินค้าและกิจกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งอีเวนต์ต่าง ๆ เพื่อสร้างการรับรู้ และสุดท้ายคือ การขยายกลุ่มสินค้าเพื่อเติมเต็มกลุ่มสินค้าที่ขาดหายเข้าไปในตลาด

แสดงความคิดเห็น