ในวันที่ ปรสิต (Parasite) คว้าออสการ์มาครอง เป็นวันที่     คุณประยูร หงษาธร นักเขียนหนุ่มของเรา-Sound Dimension Magazine อยู่ที่อเมริกาพอดี จึงเก็บบรรยากาศการฉลองความสำเร็จของหนังเรื่องนี้มาให้อ่าน

กัน ผ่านคอลัมน์หนังกลางแปลง

………

ผมเขียนต้นฉบับคอลัมน์ของเดือนนี้ในระหว่างเดินทางอยู่บนแผ่นดินอเมริกา ไม่ไกลที่พักของผมมีร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ร้านเล็ก ๆ ด้วยความที่อากาศหนาวในอุณหภูมิติดลบผมจึงกลายเป็นลูกค้าประจำร้านนี้ไปโดยปริยาย เจ้าของร้านเป็นคนเกาหลี นางอายุกลางคน ใบหน้าอวบอูม เห็นครั้งแรกก็พอเดาออกว่านางเป็นคนชนชาติใด ครั้งแรกที่เห็นนางทำให้ผมนึกอยู่นานว่าคล้ายเคยเห็นใบหน้าพิมพ์แบบนี้มาก่อน คลับคล้ายคลับคลาใครสักคน แต่นึกอย่างไรก็นึกไม่อออก กระทั่งไม่กี่วันผ่านมานี้เองผมจึงถึงบางอ้อ…

หลังวันประกาศรางวัลออสการ์หนึ่งวัน หิมะโปรยปราย ร่างกายต้องการความอบอุ่น ผมจึงเดินเข้าร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ร้านประจำ บานกระจกใสที่ใช้ผลักเข้าไปภายในร้านมีโปสเตอร์หนังเรื่อง Parasite หรือ “ปรสิต” แผ่นขนาดเอสาม ปิดอยู่อย่างโดดเด่น ใต้โปสเตอร์ปิดแผ่นกาวสีขาวแถบเล็ก ๆ ปากกาหมึกดำเขียนบนแผ่นกาวด้วยลายมือโย้เย้เป็นข้อความแสดงความยินดีกับภาพยนตร์แห่งปี และด้วยโปสเตอร์นี้นี่เองที่ทำให้ผมร้องอ้อ…อ้อ…อยู่ในใจว่ามนุษย์ป้าผู้เป็นเจ้าของร้านนางนี้ใบหน้าคล้ายกับนักแสดงที่เล่นเป็นแม่แห่งครอบครัวกาฝากในหนังเรื่อง “Parasite” นั่นเอง

นางคงหาได้เกี่ยวข้องกับหนังเรื่องนี้หรอก แต่คงด้วยความภาคภูมิใจในมาตุภูมิ เลือดรักชาติรักแผ่นดินเกิดจึงทำให้ป้าเจ้าของร้านถึงกับต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อตอกย้ำให้โลกรู้ว่า ชนชาติเกาหลีได้ก้าวสู่ความสำเร็จบนวทีออสการ์เรียบร้อยแล้วนะโลกจ๋า..!

            Parasite เป็นหนังที่เล่าถึงเรื่องราวของสมาชิกในครอบครัวตระกูลคิม ซึ่งมีพ่อ แม่ ลูกชาย และลูกสาว พวกเขาเป็นชนชั้นล่างของสังคมเมือง อาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนท์โกโรโกโสอันจำกัดจำเขี่ย ขายแรงงานเพื่อแลกกับรายได้อันน้อยนิด มีชีวิตแบบวันต่อวัน กระทั่งวันหนึ่งทุกอย่างพลิกผัน ผู้เป็นลูกชาย

แห่งครอบครัวตระกูลคิมมีโอกาสเข้าไปทำงานในบ้านของมหาเศรษฐีตระกูลพัก ด้วยการเป็นครูสอนภาษาอังกฤษให้ลูกสาวเศรษฐี แล้วจากนั้นครอบครัวตะกูลคิมก็ค่อย ๆ วางแผนเข้าไปแทรกซึมจนทุกคนได้เข้าไปทำงานรับใช้อยู่ในบ้านของเศรษฐีปัญญาทู่ด้วยกันทั้งหมด

การวางแผนการณ์เพื่อให้ได้งานทำในบ้านคนรวย ทำให้ครอบครัวตระกูลคิมต้องสร้างเรื่องราวสมมุติเพื่อหลอกเจ้าของบ้านให้หลงเชื่อตาม แผนลวงโลกเหมือนสคริปต์ที่ถูกเขียนขึ้นอย่างดีและเต็มด้วยความดราม่าแสนเข้มข้น มันได้สร้างความปั่นป่วนให้เกิดขึ้นในครอบครัวเศรษฐี ที่ประสบความสำเร็จและอาศัยอยู่ภายใต้บ้านอันหรูหรา โดยสมาชิกครอบครัวคิมได้เข้าไปทำงานในครอบครัวในบ้านตระกูลพักผ่านการหลอกหลวงอันแยบคาย กระทั่งครอบครัวพักไว้วางใจจนสามารถหาประโยชน์ให้พวกเขาเองได้มากมาย แต่ความสัมพันธ์อันมาจากความหลอกหลวงนี้เองได้ส่งผลให้เกิดโศกนาฏกรรมหมู่สุดสลดในตอนท้ายของเรื่องเล่าอันตลกร้าย

ภาพยนตร์เรื่องนี้ดำเนินเรื่องด้วยพล็อตที่คมชัด ภาพเปรียบเทียบระหว่างคนรวยคนจนถูกตีแผ่ชนิดล่อนจ้อน ตัวละครสำคัญในเรื่องทั้งพ่อ (ซง คังโฮ) แม่ (จาง ฮเยจิน) ลูกชายคนโต (ชเว อูชิก) น้องสาว (พัค โซดัม) และฝั่งมหาเศรษฐีพัก ดงอิ (อี ซอนคยูน) และยอน กโย (โจ ยอจอง) ผู้เป็นภรรยาแสนสวยแต่บื้อสุดจะหาบรรยาย ต่างช่วยกันนำเสนอบทบาทอย่างชวนติดตาม สนุก ไหลลื่น ขำ และตลกร้ายอย่างตรงไปตรงมา คนดูต่างลุ้นและแอบเอาใจช่วยตัวละครอยู่แทบทุกฉาก ภาพความต่างกันอย่างสุดขั้วของคนมีชีวิตที่หรูหรา ฟุ่มเฟือย สุขสบาย ไม่สนใจไยดีความเป็นอยู่ของชนชั้นที่ต่ำกว่า กับกลุ่มคนที่พยายามสู้ปากกัดตีนถีบ ทำทุกทางเพื่อให้มีชีวิตรอดไปวัน ๆ โดยหาได้คำนึงถึงเรื่องถูกผิดแห่งศีลธรรมความดี

ด้านการกำกับภาพนั้นต้องบอกว่าสุดยอด ผู้กำกับคือ “พง จุนโฮ” ชาญฉลาดมากในการให้ภาพช่วยเล่าเรื่องเพื่อให้ธีมของเรื่องฉายชัดจนโดดเด่น ภาพเคลื่อนไหวระหว่างคนสองสถานะถูกนำเสนอควบคู่กันไปอย่างแนบเนียน มันสื่อความหมายอยู่ตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งผู้กำกับจงใจเปรียบเทียบภาพชีวิตของครอบครัวคนร่ำรวยกับคนยากจนเพื่อตอกย้ำถึงประเด็นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนบางครั้งคนดูก็รู้สึกสะอิดสะเอียนไปกับภาพความจริงตรงหน้า จนอาจสบถในใจระหว่างที่กำลังดูหนังเรื่องนี้ว่า แม่…เอ๊ย ทำไมชีวิตมันบัดซบเช่นนี้ คนจนจะตายอยู่แล้ว แต่พวกคนรวยก็รวยแล้วรวยอีก เสวยสุขแม้โง่งมก็ช่างปะไร..!

ภายหลังจากปรสิต หรือพาราไซต์ ได้รางวัลยอดเยี่ยมของออสการ์ประจำปีนี้ ได้มีบทวิเคราะห์จากโลกตะวันตกตามออกมามากมาย และนี่คือส่วนหนึ่ง..

 

วิลล์ กอมเพิร์ทซ์ บรรณาธิการด้านศิลปะจากสำนักข่าวบีบีซีอังกฤษ แสดงทัศนะต่อหนังเรื่องนี้ในบทความเรื่อง Parasite: Will Gompertz reviews the best picture Oscar winner ว่า

“ภาพยนตร์ไม่เพียงนำเสนอความเป็นดรามาที่สะท้อนเรื่องราวสังคมเท่านั้น หากแต่หนังเรื่องนี้ได้ข้ามเส้นการเป็นภาพยนตร์ระทึกขวัญทั่วไป เป็นอารมณ์ความรู้สึกในแบบเดียวกับขณะชมภาพยนตร์ซอมบี้ มันให้ความรู้สึกแปลกใหม่ เต็มด้วยพลังเล่าเรื่องของผู้กำกับภาพยนตร์อีกด้วย”

วิลล์ ยังบอกว่าแนวคิดหลักของเรื่องและการออกแบบตัวละครมีลักษณะที่เป็นสากลและไร้กาลเวลา ส่วนชื่อเรื่องพาราไซต์ (หรือ ปรสิต-กาฝาก) ก็สื่อความหมายให้เห็นความอับอายของคนจนที่จำต้องพึ่งพาคนรวยอยู่วันยังค่ำ ขณะคนรวยก็อยู่ไม่ได้หากไร้คนต่ำต้อยกว่า เช่นเดียวกับเรื่องการเมือง สังคม เศรษฐกิจ ซึ่งได้สร้างระบบบริโภคนิยมจนครอบวิถีชีวิตของมนุษย์จนดิ้นไม่หลุดไปแล้ว

ด้าน ซิมราน ฮานส์ ได้เขียนบทความเรื่อง Why Parasite should win the best picture Oscar ในเว็บไซต์ข่าว The guardian โดยมีใจความว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้นำเสนอประเด็นเสียดสีสังคมผ่านทักษะการเล่าเรื่องอันยอดเยี่ยมของผู้กำกับ ด้วยโครงสร้างการเล่าเรื่องที่รัดกุม การลำดับเรื่องที่เริ่มต้นด้วยโทนตลกขบขัน แล้วเปลี่ยนเข้าสู่โทนระทึกขวัญและมีบทสรุปแบบโศกนาฏกรรมอันแสนเศร้า สิ่งนี้เป็นองค์ประกอบร่วมสมัยของภาพยนตร์ที่ดีที่จะประสบความสำเร็จบนเวทีระดับโลก

ขณะที่ เจฟฟ์ อีวิง ได้เขียนบทความลงเว็บไซต์นิตยสารฟอร์บส์ เรื่อง Why ‘Parasite’ Is The Best Picture Of The Year โดยมีใจความสำคัญว่า

 

การเล่าเรื่องของภาพยนตร์เรื่องนี้มีความโดดเด่น เมื่อพิจารณาจากทุกบทสนทนาของตัวละคร การเคลื่อนกล้องในทุกคัตของหนัง แต่สิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ควรได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมคือการนำเสนอเรื่องความเหลื่อมล้ำ ซึ่งเป็นปัญหาที่สังคมยุคใหม่ทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่นั่นเอง ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้วางบทบาทให้ครอบครัวคิมที่มีความสามารถแต่มีฐานะยากจน จึงไม่อาจมีความสัมพันธ์หรือความน่าเชื่อถือที่ใช้ยกระดับฐานะตัวเองได้ จำต้องอาศัยการหลอกลวงครอบครัวเศรษฐีเพื่อเข้าไปยังโลกของคนรวย โดยเนื้อหาได้แสดงให้เห็นถึงความยากจน ภาวะสิ้นหวัง ความไม่เท่าเทียม และความแตกต่างอย่างยิ่งระหว่างโลกของคนจนและคนรวย นอกจากนี้ เนื้อหาของหนังยังขับเน้นถึงครอบครัวยากจนที่ต้องพึ่งพาคนรวยในทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกัน ชีวิตของคนร่ำรวยเองก็ต้องพึ่งพาแรงงานจากครอบครัวที่เป็นชนชั้นล่าง ซึ่งอาจจะทำให้เกิดคำถามว่าครอบครัวใดกันแน่ที่เป็น ชนชั้นปรสิต ที่แท้จริง….

นานาทัศนะทั้งหลายทั้งปวง เมื่อเขาพูดมาก็ได้แค่ฟัง ๆ กันไป แต่ในวันนี้ ในความเป็นคนเอเชีย ผมก็แอบยินดีไปกับนางเจ้าของร้านด้วย และทันทีที่ผลักกระจกบานนั้นเข้าไป ผมจึงเดินพุ่งไปยังชั้นวางเมรัยขวดสีเขียวแบบที่คุ้นตากันดีในบ้านเรา คว้าเอาโซจูออริจินัลสองขวดแล้วเดินไปจ่ายเงินตรงเคาน์เตอร์ นางเจ้าของร้านมองหน้าผม ผมยิ้มให้นาง ใบหน้าบึ้ง ๆ อูม ๆ ส่งยิ้มกลับมา ก่อนเดินออกจากร้าน ผมพูดสั้น ๆ กับนางว่า ฟอร์..พาราไซต์ คองแกรสตูเรชั่น

……………………………….

แสดงความคิดเห็น